Switzerland -Zermatt

Tuesday 16 April 07 (day 11/17)


Switzerland มีทั้งหมด 26 แคว้น
เมืองหลวง: Bern
เมืองที่ใหญ่ที่สุด: Zurich
เมืองใหญ่ที่สองคือ: Basel Stadt
เวลาช้ากว่าไทย 5 ชม. ไฟฟ้า 230 V.
ระหัสประเทศ: 41 โทรภายในประเทศกด 0 นำหน้าเมือง
บัตรโทรศัพท์เรียก: Taxcard ราคา 5,10,20, ยูโร
เข้าห้องน้ำบางที่ต้องจ่าย: 1 CHF, F(Frauen เฟ-รา-เอ็น = ผู้หญิง H ( Herren แฮ-เร็น = ผู้ชาย)
หมายเลขฉุกเฉิน: 117, Fire 118, Embulance 144
Bank hours: 0830-1630 Mon-Fri
Royal Thai Embassy, Kirchstrasse 3097B/Liebefeid, Switzerland
Tel. +41 (0) 31 970 3030Fax +41 (0) 31 970 3035

Currency: Swiss Fr1 CHF = 28.88 Baht


การเดินทาง รถไฟออกเดินทางจาก Milan 14.25 น. ถึงสถานีรถไฟเมือง Brig 16.30 น. เพื่อเปลี่ยนรถไฟเป็นขบวนที่ชื่อว่า Matterhorn Gotthard Bahn เดินทางออกจาก Brig ประมาณ 17.05 ถึงสถานี Zermatt 20.42 น. ค่าตั๋วรถไฟจาก Milan ถึง Brig ราคา 19.80 Euro = 934.56 บาท (Rate 19.80x47.20)



 


เมื่อ เดินทางถึงที่หมาย ฟ้ายังไม่มืดสนิท แต่ยังพอมีแสงสว่างให้พวกเราเดินลากกระเป๋าไปสักประมาณ 400 ม. จนถึงที่พัก Hotel Tannenhof, Fam. Schaller, CH-3920 Zermatt, Tel. 0041 (0) 279673188, 0041 (0) 279673173, www. Tannenhof. Zermatt.info, E-mail: tannenhof@zermatt.info เจ้าของที่พักออกมาต้อนรับ อมยิ้มแล้ก็มีมุกขำๆ ที่พวกเราขำไม่ออก ด้วยคำพูดที่ว่า "เสียใจด้วยที่พักเต็มแล้ว" พวกเรายืนงงกันสักอึดใจมองหน้ากัน แล้วเจ้าของที่พักก็บอกว่า "ล้อเล่น" โอ้ค่อยโล่งอก แล้วก็ช่วยมาแบกกระเป๋าไปส่งที่ห้องพัก
Hotel นี้มี 4 ชั้น เราอยู่ชั้น 3 ห้องก็ไม่กว้างมาก พอเพิ่มเตียงเสริมเป็นเตียงที่ 3 เนื้อที่เดินก็น้อยลงไปอีกแยะ ตรงกับสำนวนไทยที่ว่า "คับที่อยู่ได้" ไง แต่ห้องพักและห้องน้ำสะอาดได้มาตรฐานดี เราพักที่นี่ 2 คืน พวกเราบางคนจึงถือโอกาสซักผ้าอีกครั้ง เพื่อผ้าจะได้มีเวลาแห้งก่อนเดินทางต่อ Check in เรียบร้อย พักสักครู่ ก็ออกไปเดินเที่ยวเมืองและหาที่กินอาหารมื้อค่ำ
Zermatt เป็นเมืองในหุบเขา เมืองไม่ใหญ่มาก เป็นเมืองสำหรับผู้นิยมเส่น Ski เพราะมีภูเขา Metherhorn มีนักท่องเที่ยวที่นี่มากพอสมควร สำหรับที่เมืองนี้เค้าไม่อนุญาตให้ขับรถยนต์เข้ามาในเมือง ถ้าใครมีรถก็ต้องจอดทิ้งเอาไว้ที่เมืองใกล้เคียงแล้วนั่งรถไฟเข้ามาเท่านั้น ทำให้ในเมืองมีอากาศดี ถนนก็เดินเล่นบนถนนได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวรถชน รถที่เห็นก็จะเป็นรถที่ใช้เฉพาะกิจจริงๆ เช่นเพื่อมาก่อสร้างซ่อมแซมอาคาร หรือขนของหนัก ซึ่งเห็นมีอยู่ไม่กี่คัน
เดิน เล่นชมเมืองยามค่ำ เมือง Zermatt เป็นเมืองเล็ก ไม่มีอาคารสูงๆ แบบทันสมัยเหมือนในเมืองใหญ่ๆ จะมีแต่อาคารบ้านเรือนแบบ Swiss ดูน่านักดี อากาศหนาวประมาณ 11 องศา C เย็นเจี๊ยบทีดียวและตอนกลางคืนก็จะเย็นกว่านี่อีก 2-3 องศา C เพราะ Zermatt เป็นเมืองล้อมรอบด้วยภูเขาสูงซึ่งมีหิมะปกคลุมตลอดปี ร้านค้าต่างๆ เค้าจะปิดเวลา 20.00 น. ก็เลยได้แต่ชื่นชมดูหน้าร้าน มีร้านขายของที่ระลึก ร้านแว่นตา ร้านขายของเกี่ยวกับ Ski ร้านเสื้อผ้าเมืองหนาว ร้านขนม ร้านอาหารก็ปิดไม่ดึกมาก ประมาณ 11.00 น. แต่ Pub ก็ปิดดึกหน่อย

Dinner มื่อนี้เราตกลงกันว่า ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันแรกที่มาถึง Switzerland ต้องลอง Fondue แบบฉบับ Switzerland แท้ๆ สักที ก็เดินสำรวจดู Menu และราคา ตามหน้าร้านอาหารต่าง ก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านหนึ่งจำชื่อร้านไม่ได้แต่ติดอยู่กับร้านชื่อดัง ของเมืองนี้ชื่อ Cafe Du Pont แต่ราคาสูงไปหน่อย เราก็เลยเลือกร้านที่ราคาถูกกว่า บรรยากาศภายในร้านก็ทำให้ใจชื้นหน่อย เพราะเห็นก็มีคนกินกันอยู่หลายโต๊ะ ซึ่งแปลว่าอาหารต้องอร่อย เราสั่ง Fondue แบบมีหม้อต้ม เนย 1 หม้อ สำหรับเอาไว้จุ่มเนื้อสัตว์เพื่อทำให้สุกเค้าเสริฟเนื้อและไก่ผสมกัน 1 จาน สลัด และ French fried สำหรับ 2 คนๆ ละ 37 SF และ Fondu ผลไม้ แบบมีหม้อต้น chesse และมีน้ำจิ้มที่เป็นน้ำสลัดอยู่ 6 อย่าง ราคา 28 SF. กินผสมผสานกันก็อร่อยดี หน่อยสั่ง Chicken with mushroom sauce and crocket ชัยสั่ง Chicken steak จานละ 24 SF. ก็อร่อยมากๆ เช่นกัน
กิน มื้อค่ำเสร็จ ก็เดินย่อยอาหาร แต่อากาศเย็นลงประมาณ 9 องศา C เดินดูตามหน้าร้านขายของจนทั่วอีกครั้ง ก็กลับที่พัก นอนหลับสบายมากๆ อีกคืน

Wednesday 18 April 2007 (day 12/17)

Breakfast มื้อนี้รวมกับค่าห้องพัก ทางโรงแรมจัดแบบ Buffet ก็คล้ายๆ กับที่อื่นๆ ที่ผ่านมา มีขนมปังและแยม หลายๆ แบบ นม น้ำส้ม และ cereal กินได้เรื่อยๆ จนอิ่ม เราสังกเกตุได้ว่าบนโต๊ะจะมีเป็นกระป๋องพลาสติกเล็กๆ เอาไว้ทิ้งขยะเช่น ซองน้ำตาล หรือกระดาษเช็ดปากซึ่งไม่เคยเห็นที่ไหนทำมาก่อน คือว่าเป็นความคิดที่ดีมากๆ ทำให้บนโต๊ะอาหารไม่เลอะเทอะ คนเก็บก็สะดวก ก็เลยเอาอย่างมาทำบนโต๊ะกินข้าวที่บ้านบ้าง ก็เข้าที่ดี ไม่ต้องเดินเข้าไปทิ้งถึงในครัว หลังกินอาหารเช้าเสร็จ และเสร็จภาระกิจส่วนตัวยามเช้า เราก็ออกจากที่พัก เพื่อไปสถานีรถไฟ Gornergrat Bahn เดินหลงทางนิดหน่อย 


คนเดียวที่สามารถตื่น แต่เช้าได้คือชัยประมาณ 05.30 น. ซึ่งเมื่อคืนก็นัดกันว่าจะตื่นมาเป็นเพื่อน เพื่อดูแสงพระอาทิตย์ขึ้นส่องแสงไล้ยอดเขา Matterhorn แต่อากาศมันเย็นและนอนสบายเสียเหลือเกิน ก็เลยไม่ได้เห็นของจริง 

  
รถไฟ สาย Gornergrat Bahn นี้ใช้เวลาเดินทางถึงสถานีปลายทางประมาณ 45 นาที ในระดับความสูงที่ 3,089 เมตร รถไฟพาเราขึ้นเขาไปเรื่อยๆ รับนักท่องเที่ยวตามสถานนีต่างๆ ที่ผ่านด้วย ยิ่งขึ้นสูงวิวสองข้างทางก็มีแต่ภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ มีนักเล่น Ski ที่กำลังแล่นลงมาตามทางลาดของภูเขาด้วย มีจำนวนมากเหมือนกัน เห็นยอดปลายแหลมของภูเขา Matterhorn เป็นรูปทรงสามเหลี่ยมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่มีเสน่ห์สวยงาม รถไฟแล่นไปช้าๆ นั่งกันสบายๆ อากาศก็สบายจนน่านอนหลับ แต่ไม่กล้าเพราะกลัวว่าเราจะพลาดเห็นวิวสวยๆ ไม่คุ้มค่าตั๋วที่ซื้อมา
Gornergrat Bahn (the Matterhorn railway) เป็นรถไฟสำหรับขึ้นไปชมยอดเขา Matterhorn mountain เป็นภูเขาสูง 14,692 ฟุต หรือ 4,478 เมตร เราต้องซื้อตั๋วแบบ Ski Pass คนละ 73 SF = 2,160 บาท (rate 73x29.59) เราสามารถนั่งรถไฟขบวนนี้และ Cable car ขึ้นไปชม Matterhorn อีกด้านหนึ่งด้วย แต่ถ้าไม่มีเวลามากหรืออยากซื้อแค่ขึ้นแบบครั้งเดียว ก็ได้อย่างใดอย่างหนึ่ง
 











เมื่อถึงที่หมาย ในระดับความสูงที่ 3,089 เมตร เราโชคดีที่วันนี้อากาศดีมากท้องฟ้าสดใสเป็นสีฟ้า มีนักท่องเที่ยวขึ้นมาพร้อมกับเรามากพอสมควร และพวกที่เล่น Ski ก็มาเริ่มต้นเล่นจากบนนี้ด้วย พอเลื่อนลงไปข้างล่าง ตามทางก็จะมีสถานนี้รถไฟเป็นระยะระหว่างทางให้นัก Ski ได้กลับขึ้นมา หรือลงไปได้ด้วย อากาศไม่หนาวมากเพราะมีแสงแดดที่ร้อนจ้าเหมือนกัน บนยอดเขาก็เห็นหิมะละลายไปบ้างแล้วบางส่วน แต่ที่เหลืออยู่ก็มีมากให้เห็นจนจุใจเหมือนกัน เจอครอบครัวคนไทย 5 คนด้วย
 
















เรา เดินเล่นถ่ายรูปกันจนพอใจ ประมาณสักเกือบสองชั่วโมง ก็ต้องไปเข้าคิวขึ้นรถไฟกลับลงไปข้างล่าง ระหว่างทางก็นั่งชมวิวขาลงกันอีกครั้ง คุ้มค่าราคาตั๋วจริงๆ

เรากลับลงมาถึง Zermatt ประมาณ บ่าย 2 โมง เราต้องรีบไปกิน Lunch ที่ร้าน Mc Donald สั่ง Whopper Chesse 3 อันและ Long Chicken Cheese 1 อันละ 3.59 SF, Crispy Chicken 1 อันละ 2.99 SF.  กินเสร็จเราต้องรีบไปขึ้น Cable car ต่อ เพราะเกรงว่าเวลาจะไม่พอ และเค้าจะปิดทำการประมาณ 5 โมงเย็น ซึ่งเราก็เกือบจะเป็นพวกสุดท้าย เจอผู้หญิงคนไทยอีก 2 คนบนนี้ด้วย
เมือง Zermatt ที่ถ่ายลงมาจาก cable car
ขา ขึ้น Cable car ต้องรีบๆ ขึ้นเพราะ Cable car จะไม่หยุด แต่จะค่อยๆ หมุนไปเรื่อยๆ และประตูก็จะเปิดและปิดเองอัตโนมัต ระหว่างที่ Cable car นำเราขึ้นไปมันจะรู้สึกหวาดเสียวถึงความสูงมากๆ ไม่เหมือนนั่งรถไฟ จะไม่รู้สึกแบบนี้ เพราะ Cable car มันเป็นกระจกใสๆ รอบตัว เพื่อให้เราได้ดูวิวได้ชัดๆ ถ้าใครกลัวความสูงและที่แคบๆ ก็ขอเตือนว่าไม่ควรขึ้นด้วย Cable car เราขึ้นถึงที่หมายได้แค่สถานี Trockener ที่ความสูง 2,939 เมตร ได้เดินไปชมวิวอีกด้านหนึ่งของ Matterhorn ใช้เวลาประมาณ สักครึ่งชั่วโมง


ชื่น ชมความงามเป็นครั้งสุดท้าย ก็ต้องรีบไปเข้าแถวเพื่อเดินทางกลับลงไป เพราะมีนัก Ski จำนวนมากกำลังมุ่งหน้าเดินจากอีกด้านหนึ่งของสถานีมาที่สถานีที่เรามาแวะ อยู่ เนื่องจากทุกคนจะรู้ว่าเมื่อใกล้คำก็คือถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะต้องลงจากเขา
 





 
ลงมาจาก cable car ก็เดินมาตามลำธารน้ำที่ไหลมาจากภูเขา เพื่อกลับไปที่ที่พักซึ่งอยู่ไม่ไกลมาก ขาลง Cable car ไม่ค่อยหวาดเสียวเหมือนตอนขาขึ้น มองลงไปเห็นหมู่บ้านเล็กนิดเดียว เรากลับไปพักที่ Hotel สักครู่ใหญ่ๆ ก็เดินออกมากิน Dinner กัน เนื่องจากเมื่อคืนกินกันแบบหรูไปแล้ว วันนี้ก็เลยจะกินกันแบบถูกและดี ก็เดินไปเจอร้านขาย Kebab มีทั้งเนื้อและไก่ เค้าทำอันใหญ่มาก กินกันอิ่มหนำสำราญ อันหนึ่งก็ประมาณ 6-8 SF. ดีและถูกอย่างที่ตั้งใจ

Dinner กันเสร็จก็เดินย่อยอาหารในเมืองกันอีกครั้ง พวกเราไม่ได้ซื้อของที่นี่กันเลย แต่ก็เดินได้ไม่นาน เพราะอากาศเย็นเจี๊ยบเหมือนเมื่อคืน บางคนทนไม่ไหวก็ขอกลับไปห้องพักก่อน วันนี้คุ้มค่ากับการมาเยือน Matterhorn มากๆ เพราะนัก Ski จากประเทศ Germany บอกเราว่า เมื่อ 2-3 วันที่แล้ว ท้องฟ้ามืดครึ้มมองไม่เห็นอะไร และบางคนมาที่นี่แต่มองไม่เห็นยอดเขาเลยก็มี เพราะอากาศไม่เป็นใจ ต้องบอกว่าเราโชคดี คุ้มค่าที่มาจริงๆ กลับเข้าที่พัก ได้นอนหลับฝันดีอีกคืน




Thursday 19 April 2007, (day 13/17)


พวกเราตื่นกันแต่เช้า เรากิน Breakfast ที่โรงแรมเช่นเคย เสร็จแล้วก็ check out เดินลากกระเป๋าไปที่สถานีรถไฟ เพื่อเตรียมตัวเดินทางต่อไป Interlaken เราออกเดินทางจาก Zermatt 09.30 น. ถึง Interlaken 12.58น. พักที่ Interlaken 1 คืน